วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แดน 8 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้ชื่อว่าถ้ามีคดีแบบนี้มาละก็ หัวหน้าฝ่ายจะจองตัวไว้คอยต้อนรับเลย ซึ่งแน่นอนเค้าจะไม่ลงมือเอง ไม่สั่งเอง แต่เค้าจะรู้เห็นเป็นใจ และพูดจาทำนองที่จะให้มีการลงมือกับนักโทษโดยอ้อมๆ และเขาทำเป็นประจำ ...

 
แปลไทย>>อังกฤษ ::จี้ราชทัณฑ์แจง ผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูงถูกซ้อม
จี้ราชทัณฑ์แจง ผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูงถูกซ้อม
Urging the Department of Correction to clarify that the accused on the Lèse majesté case was physically abused.

ที่มาhttp://horriblethailand.wordpress.com/20...%E0%B8%87/

25 พ.ย.53 น.ส.ขวัญระวี วังอุดม นักสิทธิมนุษยชนให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการร้องเรียนจากทนายผู้ต้องขังคดี หมิ่นเบื้อ​งสูงรายหนึ่งเกี่ยวกับการซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดีนี้ในเรือนจำ โดยผู้ต้องขังคนดังกล่าวแสดงความกังวลถึงกรณีนายสุชาติ นาคบางไทร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูงคนล่าสุดที่ถูกคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ ว่าอาจจะถูกซ้อมดังกรณีของนายสุริยันต์ กกเปือย ผู้ต้องหากรณีขู่วางระเบิดรพ.ศิริราช ที่ถูกบ้องหูจนอาจมีปัญหาการได้ยิน
November 25, 2010 – The human right activist, Ms. Kwanrawee Wangudom, provided an interview regarding the attorney' complaints that there was a "third degree" torture to an accused of Lèse majesté's case inside the prison. The said accused displayed his anxiety regarding Mr. Suchart Nakbangsai's case, who was the latest accused and was detained in the Bangkok's Remand Prison, that he might be another third degree victim, as same as Mr. Suriyan Kokpeay, who was convicted on the intimidation in the bomb-planting act at Siriraj hospital. Mr. Kokpeay was forcefully slapped on his ear, which resulted in his recent hearing problem.

"นักโทษ/ผู้ต้องหาที่โดนคดีหมิ่นส่วนใหญ่แล้วเราจะทราบว่าเมื่อเข้าไปใน เรือนจำพวกเขาเหล่านั​้นมักจะถูกทำร้าย (ศาลเตี้ย) ภาษาคุกเรียกว่า "เก็บยอด" ธันย์ฐวุฒิ [ทวีวโรดมกุล], สุริยันต์ [กกเปือย] ต่างยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นจริง ทั้งๆ ที่เขาเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ "ผู้ต้องหา" ศาลยังไม่ตัดสิน แค่ถูกกล่าวหา แต่ก็ไม่พ้นการถูกเก็บยอดโดยเจ้าหน้าที่บางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แดน 8 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้ชื่อว่าถ้ามีคดีแบบนี้มาละก็ หัวหน้าฝ่ายจะจองตัวไว้คอยต้อนรับเลย ซึ่งแน่นอนเค้าจะไม่ลงมือเอง ไม่สั่งเอง แต่เค้าจะรู้เห็นเป็นใจ และพูดจาทำนองที่จะให้มีการลงมือกับนักโทษโดยอ้อมๆ และเขาทำเป็นประจำ ... และครั้งนี้เขาจะทำกับคุณสุชาติอีกมั้ย?" ข้อร้องเรียนจากผู้ต้องหาม.112 คนหนึ่ง"
The majority of the accused prisoners who were convicted in the Lèse majesté cases, were often assaulted by the "kangaroo court", which is also known as "picking them up." Mr. Tantawoot (Taweewarodomkoon), Mr. Suriyan (Kookpeay) both confirmed that the events truly happened even though they were only "suspects." The court has not yet delivered the verdict, only being accused. But they cannot avoid on "picking them up" method conducted by some of the correction officers, especially in the 8th section of the Remand Prison in Bangkok. They are well known that if the court rendered the verdict just like this one, the correctional chiefs would have planned on booking that individual as their special guest for the welcoming party. It is certainly that they, themselves, will not act nor give any orders. But they will acknowledge and indirectly persuade other prisoners to "act" upon their wishes. And they will do this, by displaying as their regular habits. And this time, will they do with Mr. Suchart again?" This is the one of the complaints from one of the accused on Section 112.

ขวัญระวี กล่าวว่า หากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ที่อธิบดี​กรมราชทัณฑ์ต้องตรวจสอบและชี้แจง รวมถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเองก็ควรเข้าไปมีบทบาทตรวจสอบเรื่อง ดังกล่าว
Kwanrawee stated that if these stories were true, it would mean the serious human right violations that the rector of the Correction Department should have launched major investigations and provided further explanations. The National Human Rights committee, themselves, should have played some roles in these investigations.

ขวัญระวีตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ตาม ม.112 ของกฎหมายอาญา และพรบ.คอมพิวเตอร์มีความเป็นไปได้ที่จะมีการกระทำอย่างเป็นระบบ การกระทำอย่างเป็นระบบหมายความว่าไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีเหตุให้ทำอย่างจงใจ เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง และเป็นการกระทำในลักษณะซ้ำๆกับบุคคลที่โดนข้อหาในลักษณะเดียวกัน อาจไม่จำเป็นต้องเป็นลงมือซ้อมโดยเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น แต่เป็นการสั่งการโดยเจ้าหน้าที่รัฐให้บุคคลอื่นกระทำการแทนได้ "ที่น่าสังเกตคือ ไม่ว่าการซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงจะกระทำโดยเจ้าหน้าที่หรือผู้ ต้องหาด้​วยกัน เพื่อให้ผู้คุมเรือนจำเห็นว่าตนเองกระทำตัวดีโดยการปกป้องสถาบัน ล้วนสะท้อนทัศนคติที่มีปัญหาของสังคมไทยโดยรวม ซึ่งละเลยการให้ความสำคัญต่อสิทธิเสรีภาพของปัจเจกบุคคลที่ได้รับการรับรอง ทั้งในหลั​กสากลและรัฐธรรมนูญไทย"
Kwanrawee noted that they were possible that the "third degree" tortures to the accused based on the Section 112 of the Criminal code and the Computer Act were systematic acts. These systematic acts mean that, they were not accidentally occurred. But there were intentionally reasons for them to act in order to accomplish some objectives. And these were all repeated actions to the individuals who had been accused with the similar charges. It was not necessary to physically abuse the accused by the acquainted officers. But they were ordered by the State Officials to have other individuals acted on their wishes or behalves. "Remarkably, whether the "third degree" practices to the accused on Lèse majesté cases would be committed by the correction officers or prison mates in order for the warden to perceive that they were morally acting to protect the Royal institution, they all reflect the attitude that there is a problem in the Thai society as a whole. This ignores the importance of freedom of the individual who is endorsed in both major international and Thai Constitution."

เธอกล่าวด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากลหรือรัฐธรรมนูญไทย การซ้อมทรมานเป็นสิทธิที่ไม่สามารถผ่อนปรนได้ หมายความว่าไม่ว่าจะเป็นเหตุการฉุกเฉินหรือกระทบความมั่นคงของรัฐแค่ไหนก็ ไม่สามารถจ​ะกระทำการซ้อมทรมานบุคคลได้ การที่ไทยเป็นภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางพลเมืองและการเมือง (ICCPR) และอนุสัญญาว่าต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี หมายความว่ารัฐบาลมีพันธะที่จะปรับกฏหมายภายในประเทศให้สอดคล้องกับหลักสากล ด้วย
She also stated that, whether it is the main international Human Rights law or Thai constitution, the "third degree" torture cannot be tolerated. It means that, whether it is the emergency event or reflecting national security, they could not be allowed to conduct any torturing practices. Thailand is a party to the International Covenant on Civil and Political Rights, ICCPR, and Convention against torture and cruel, inhuman punishment or invasion of person's dignity. It means that the government is obligated to reform the domestic laws to comply with international principles as well.


======================================
We ask our red-shirt brothers and sisters who live in Thailand and around the world to globally disseminate these news articles to all Human Rights Activists. Thank you

Doungchampa at InternetFreedom.us


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น